22.10.52

วัน Halloween ในความหมายที่แท้จริง..

วันนี้ผมจงใจที่จะหยิบยกเรื่องราวเกี่ยวกับเทศกาลฮาโลวีนซึ่งจะมาถึงในวันที่ 31 ตุลาคมนี้ มาเล่าให้ฟัง พร้อมประวัติความเป็นมาของเทศกาลนี้แบบ มีหลักฐานอ้างอิงและ ไม่ได้โม้ หรือมั่วนิ่ม  โดยเฉพาะ เพื่อให้ กลุ่มพี่ๆ น้องๆ  #Vmpire ใน Twitter ได้อ่านกัน ผมขอเล่าเลยล่ะกันจะได้ไม่เสียเวลา

Halloween  (อ่านว่า ฮา โล่ วิ่น)     คำแปลที่คุ้นปาก คือ วันปล่อยผี

วันนี้เด็กๆ ก็จะแต่งตัวแปลกๆ เป็นผีบ้างเป็นไรบ้าง เดินไปเคาะประตูตามบ้าน ขอขนมขอลูกกวาดไปตามเรืองตามราว หลอกผีกันเล่นบ้าง ทำให้หลายๆ คนโดยเฉพาะพวกที่ทำตัวเหมือนคนเคร่งศาสนา แต่ไม่รู้จริง เที่ยวบอกว่าเป็นเทศกาลที่คริสเตียนไม่ควรส่งเสริม หรือเป็นเทศกาลที่กำเนิดจากผีมารซาตานไปโน่น  อันนี้คือปัญหาของทุกวงการคือเต็มไปด้วยคนที่ชอบวิจารณ์ตำหนิติเตียน แต่ตัวเองขาดความรู้และขึ้เกียจค้นคว้า


สำหรับผม ก่อนจะวิจารณ์สิ่งไร ผมเลือกที่จะค้นคว้าหาข้อมูลก่อน และต้องค้นจากแหล่ง "ที่เชื่อถือได้และเป็นทางการระดับประเทศ" เท่านั้น และที่ผมเลือกก็คือ "ราชบัณฑิตยสถาน"   ผมค้นพบว่า จริงๆ แล้วคำที่ใช้เรียกเทศกาลนี้ มีต้นกำเนิดมาจากศาสนาคริสต์นี่ล่ะครับ ไม่ได้มาจากเรื่องลัทธิบูชาหรืองมงายผีสางเทวดา อย่างที่ใครบางคนพยายามกล่าวหาเลย   โดยที่มาของคำๆ นี้เพี้ยนมาจากคำว่า

 All Hallows Evs ซึ่งแปลว่า วันก่อนวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย

โดยวิธีตัดต่อ Hallow + Eve = Halloween คำ Hallow เป็นคำแองโกลแซกซัน แปลว่า ทำให้ศักดิ์สิทธิ์ ตรงกับภาษาเยอรมันว่า heiligen ในปัจจุบันนิยมใช้คำมาจากภาษาละตินว่า sanctify คำ Hallow ยังมีใช้ในบท
สวดอธิษฐานเก่า ๆ เช่น Hallowed be thy Name (ขอพระนามจงเป็นที่สักการะ)

       Hallow  แปลว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผู้ศักดิ์สิทธิ์ นักบุญ
 All Hallowmas จึงแปลว่า วันสมโภชนักบุญทั้งหลาย

ในปัจจุบันใช้คำว่า All Saints Day คู่กับ Christmas ซึ่งแปลว่า วันสมโภชพระคริสต์หรือคริสต์มาสนั่นเอง วันก่อนวันสมโภชคริสต์มาสมี Chrismas Eve ที่นิยมเรียกว่า คืน (ก่อน) คริสต์มาส วันก่อนวันสมโภชนักบุญทั้งหลายก็มี All Hallowmas Eve ซึ่งต่อมาย่อเป็น Halloween โดยมีงานรื่นเริงและพิธีกรรมทางศาสนาเช่นเดียวกับคืนคริสต์มาส ชาวคาทอลิกพร้อมใจกันเลื่อนพิธีกรรมทางศาสนาไปหลังวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย และเรียกว่า วันวิญญาณในแดนชำระ (All Souls Day) เพื่อให้คู่กับวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย (All Saints Day)

ชาวคาทอลิกขณะนั้นถือว่าวันฮาโลวีนมีความสำคัญคู่เคียงกันกับวันคริสต์มาสและวันอีสเตอร์จึงเริ่มงานตั้งแต่วันก่อนหรือวันสุกดิบ    โดยปรับให้เข้ากับสถานการณ์ใหม่ คือคืนวันสุกดิบถือเป็นคืนเล่นผี มีผู้แต่งตัวสมมุติเป็นผีออกเพ่นพ่านขอส่วนบุญ ใครที่ไม่ชอบแต่งตัวเป็นผีก็ยินดีจัดเลี้ยงต้อนรับผีในครอบครัวของตน โดยคว้านฟักทองหรือใช้วัสดุอื่นทำให้มีหน้าตาเป็นผี  สร้างบรรยากาศให้มีผีในบ้านต้อนรับผีนอกบ้าน  กลายเป็นงานสนุกสนานรื่นเริง

 เมื่อชาวไอริชและชาวสกอตอพยพไปตั้งหลักแหล่งในสหรัฐอเมริกาก็นำเอาประเพณีนี้ไปปฏิบัติ ปรากฏว่าถูกใจชาวอเมริกันทุกเชื้อชาติ จึงปฏิบัติตามกันอย่างจริงจังตลอดมา และตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมาก็กลายเป็นเทศกาลประจำชาติกันไป

เรื่องที่ผมนำมาเล่าข้างต้นนั้น ผมคัดมาจากเว็บ บัณฑิตยสถาน เกี่ยวกับวัน Halloween ทั้งดุ้น ถ้าอยากอ่านฉบับเต็มๆ คลิกได้ที่นี่  ที่เลือกเขียนเรือ่งนี้วันนี้ เพราะรู้สึกว่า การที่เราไปกล่าวหาคนที่เขาสนุกสนานตามเทศกาลโดยไปตำหนิว่าเขาสนับสนุนเรื่องผีๆสางๆ นั้น ถือเป็นการไม่ยุติธรรมกับพวกเขาเลย  หลักการคือ ถ้าเรายังไม่รู้ข้อมูลประวัติอะไรที่แน่นอน เราควรจะค้นคว้าให้รอบคอบเสียก่อน เพราะถ้าเรารีบวิจารณ์ว่ามันเป็น "วันปล่อยผี"   งานอาจกร่อยเพราะมันจะกลายเป็น "วันปล่อยไก่"  ของเราออกมา  โดยไม่ได้ตั้งใจ

เจตนาดีแต่ขาดความรู้จริงอาจนำไปสู่ความเสื่อมได้

อาจารย์บอม
22-10-2009

12 ความคิดเห็น:

  1. ชอบคำว่า "เจตนาดีแต่ขาดความรู้จริงอาจนำไปสู่ความเสื่อมได้" คนเราชอบละเลยการค้นคว้าด้วยตัวเองครับ

    ตอบลบ
  2. ผมขออนุญาตลองนำบทความนี้ไปแปะ ตามเว็บบอร์ดคริสเตียนต่างๆ ดูนะครับ อยากรุ้ว่าคริสเตียนอื่น ๆ จะได้มีความคิเห็นต่าง ๆ กันบ้าง พอดี blog อาจารย์ไม่ได้แปะ Creative Commons ได้ คิดว่านำไปเสนอต่ได้ครับ ไม่มีปัญหา

    ตอบลบ
  3. สวัสดีครับ

    ผมมาเฉลยละกันนะครับว่า คนที่เจ้าของ Blog อ้างถึงตอนท้าย ๆ หรือกลาง ๆ เนี่ย เป็นผมเองแล่ะครับ

    คือเรื่องของเรื่องเนี่ยผมอาจจะตักเตือนแกแรงไปหน่อย และแกอาจจะไม่เข้าใจประเด็นผมครับ

    ต้องอธิบายก่อนนะครับว่าจริง ๆ แล้ว เจ้าของ Blog กับ ผม เราสนิทกันครับ แล้วเราก็เชื่อเรื่องของพระเจ้า คือเรียกได้ว่าเราเป็นพี่น้องคริสเตียนเหมือนกัน ดังนั้นการโต้แย้งในเรื่องความเชื่อคริสเตียนนั้น บางครั้งเป็นเรื่องที่ดีครับ ที่ให้เราได้เปิดมุมมองใหม่ ๆ (Feel อาจจะเหมือนตอนวู้ดดี้ สัมภาษณ์ ท่าน ว.วชิรเมธี ซึ่งบางคนใน Twitter ให้เกียรติท่านว่าเป็น Geek แห่งพุทธศาสนา) ...อ่านต่อ comments ต่อไปนะครับ เกรงว่าตัวอักษรจะเกิน

    ตอบลบ
  4. ดังนั้นสำหรับคริสเตียนบางครั้งเราก็มีข้อโต้แย้งเป็นธรรรมดาครับ แต่ข้อโต้แย้งของคริสเตียนนั้น มีเป้าหมายเพื่อจะเสริมสร้างซึ่งกันและกันขึ้น ไม่ได้เถียงกันเพื่อเกลียดกัน แต่เพื่อเสิรมสร้างความเชื่อของกันและกัน

    ท่านผู้อ่านจะลองอ่านมุมมองของคริสเตียนบ้างก็ได้นะครับ อาจจะงง ๆ หน่อย แต่ก็จะช่วยให้เข้าใจว่าทำไมเราถึงเถียงกันใน Twitter

    ซึ่งผมได้เขียนคำชี้แจ้งของผมใน Facebook ครับ เพราะ Blog ผมยังไม่เสร็จ ผมเลย copy มาไว้ตรงนี้ รับรองว่าไม่มีการแก้ไขใด ๆ จากต้นฉบับครับ
    ---------------------------อ่านต่อ comment ถัดไปครับ

    ตอบลบ
  5. ผมขอโพสต์ความคิดเห็นกับพี่น้องคริสเตียนใน Facebook หน่อยนะครับ เนื่องจากเพื่อนใน Facebook ผมส่วนใหญ่เป็นคริสเตียนทั้งนั้นเลย

    เหตุเกิดเพราะว่าผมได้ไปตักเตือนอาจารย์ท่านนึง เนื่องจากว่ามีกระแสสนุก ๆ ใน Twitter ว่าหลังเวลา 4 ทุ่ม ให้เปลี่ยนรูป Display เป็น รูปผี เพื่อเตรียมตััวต้อนรับงาน Halloween

    Twitter เป็นบริการ Social Network อย่างหนึ่งทีเอาไว้ส่งข้อความจำนวน 140 อักษร เพื่อให้คนที่ติดตามเราอ่าน ผมเคยเขียนอธิบายไว้ที่ http://www.thainorthadmin.com/board/index.php?topic=320.0

    ตอบลบ
  6. อาจารย์ท่านนี้เป็นคริสเตียน ที่ผมเคารพท่านนึงในฐานะพี่ และพี่น้องคริสเตียน แกก็ตามกระแสใน Twitter นี่แล่ะครับ ด้วยการเปลี่ยนรูป Display เป็นรูปผีการ์ตุน Casper

    ผมก็เลย msn เตือนแกว่า ทำแบบนี้ไม่น่าจะถูกมั้ง เป็นคริสเตียนไม่น่าจะสนับสนุนงานผี คนที่ไม่ใช่คริสเตียนอาจจะงงหน่อยนะครับ คือเรื่องมันยาวอ่ะครับ เอาไว้ถามผมได้ตอนหลังนะครับ ต่อครับ...ซึ่งผมรู้ดีว่างานนี้น่ะต้นกำเนิดเป็นงานเกี่ยวกับระลึกถึงนักบุญทั้งหลาย แต่ว่าเมื่อเวลาผ่านไปก็ไมได้มีคนมากมายคิดถึงความหมาย แต่ก็สนุกสนานกับการแต่งตัวไปผี เป็นประเพณีไป

    ตอบลบ
  7. ผมก็เลยลองหาบทความในเน็ตที่ลองพูดถึงคริสเตียนกับฮาโลวีน ก็พบบทความนี้ http://surachai.org/HalloweenandChristian.aspx

    ผม ก็เลย Quote บทความนี้ไป แต่แกก็ไม่มีท่าทีว่าจะฟัง แล้วยังคิดว่าการเปลี่ยน Display เป็นรูปผีนั้นไม่ผิด พร้อมกับส่งเรื่องกลับมาว่าก็เลยเกิดเป็นการเถียงกันขึ้น จนผมไม่สามารถเถียงได้ด้วยความที่แกเป็นผู้ใหญกว่า แกบอกว่าลิงค์เรื่องฮาโลวีนกับคริสเตียนไทยที่ผม Quote ไปน่ะ ไม่มีอ้างอิงพระคัมภีร์ขึ้นต้น ก็ความคิดเห็นส่วนตัวแล้ว ไร้น้ำหนักครับ

    ผมก็งงสิครับ เพราะว่าบทความที่ผม Quote มาเนี่ย เค้าก็อ้างอิงพระคัมภีร์ทั้งนั้น แถมเค้ายังค้นคว้าประวัติฮาโลวีนมาด้วย ซึ่งแกก็ Quote กลับมาจากราชบัณฑิตยสถาน

    ผมเลยบอกแต่ว่า ผมเองก็ได้อธิษฐานใคร่ครวญเรื่องนี้แล้ว อธิษฐานเผื่อพี่เค้าให้เข้าใจ พร้อมกับหาคำตอบในพระคัมภีร์ ซึ่งผมพบว่าจุดกำเนิดนั้นของวัน Halloween เป็นเรื่องที่ดี แต่เพราะเวลาผ่านไป คนหลงลืมไปจากจุดกำเนิด จนกลายเป็นประเพณีอย่างที่เราเห็นในทุกวันนี้

    ตอบลบ
  8. ผมเองไม่ได้ต่อต้านคนในทวิตเตอร์ที่เล่น #vmpire หรอกนะครับ เพราะว่าเค้าไม่ได้รู้ความจริงอย่างที่อาจารย์กับผมรู้ ว่าพระคัมภีร์พูดถึงผีอย่างไรบ้าง ดังนั้นผมไม่สามารถตำหนิคนที่ไม่รู้ได้

    สำหรับเค้า ผมก็เข้าใจว่าเค้าก็พยายามหาเหตุผลมาโต้แย้ง โดยการหาความหมายของ Halloween จาก เว็บ บัณฑิตยสถาน www.royin.go.th/th/knowledge/detail.php?ID=1001

    ซึ่งเราทั้งสองคนก็ไปนั่งเรียนพระคัมภีร์มาด้วยกันแท้ ๆ ว่า ปัญญาของโลกนั้นเทียบไม่ได้กับปัญญาของพระเจ้า สำหรับเค้า เค้าอาจจะค้นจากเว็บระดับประเทศ แต่สำหรับผม ผมค้นจากหนังสือที่มีอายุยาวนานที่สุดในโลก และเป็น Best Seller ตลอดกาลนั่นคือพระคัมภีร์ คำตอบที่ผมได้สำหรับคริสเตียนคือดังนี้ครับ...

    ตอบลบ
  9. กาลาเทีย 4:9 แต่บัดนี้ เมื่อท่านรู้จักพระเจ้าแล้ว หรือที่ถูกก็คือพระเจ้าทรงรู้จักท่านแล้ว ทำไมท่านทั้งหลายจึงกลับไปหาภูตผีที่ครอบงำของจักรวาลซึ่งอ่อนแอและเอนจอนาถ และอยากจะเป็นทาสของสิ่งเหล่านั้นอีก?

    โคโลสี 2:8 จงระวังให้ดี อย่าให้ใครทำให้พวกท่านตกเป็นทาสด้วยหลักปรัชญา และคำหลอกลวงที่เหลวไหลตามตำนานของมนุษย์ ตามพวกภูตผีที่ครอบงำของจักรวาล

    1 ทิโมธี 4:1 พระวิญญาณตรัสอย่างชัดแจ้งว่า ต่อไปภายหน้าจะมีบางคนละทิ้งความเชื่อ โดยหันไปเชื่อฟังวิญญาณทั้งหลายที่ล่อลวง และคำสอนของพวกผี

    โคโลสี 2:20 ถ้าท่านตายกับพระคริสต์ พ้นจากภูตผีปิศาจ แห่งจักรวาลแล้ว เหตุไฉนท่านจึงมีชีวิตอยู่เหมือนกับว่าท่านยังอยู่ฝ่ายโลก ยอมอยู่ใต้บัญญัติต่างๆอันเป็นหลักธรรมและคำสอนของมนุษย์

    ตอบลบ
  10. แล้วสิ่งที่น่าเสียใจ ที่ตามมาก็คือ คุณพี่ที่รักของผมก็เขียน Blog ขึ้นมา โดยที่ผมอ่านแล้ว ก็เข้าใจต้นกำเนิดฮาโลวีนะ แต่ผมไม่ได้เป็นห่วงประวัติฮาโลวีนหรอก ผมเป็นห่วงพี่เค้ามากกว่า ถ้าท่านใดอ่านแล้วก็จะรู้ว่า ผมโดนโจมตีอย่าแรงเลยครับ เพราะทั้งทวิตเตอร์ก็มีผมคนเดียวแล่ะครับที่คุยกับแก แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกโกรธนะครับ คือผู้อ่านคงเข้าใจว่า ถ้าเราได้มองใครเป็นเพื่อน เป็นพี่ สิ่งที่เค้าทำผิด อาจทำให้เราตะหงิด แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าทำให้เราเลิกเป็นพี่เป็นน้องกัน ลองอ่านสิ่งที่แกเขียนดูละกันนะครับ http://arjarnbomb.blogspot.com/2009/10/halloween.html

    ตอบลบ
  11. สรุปจากใจผม

    ในฐานะคริสเตียน เมื่อผมอ่านจบ ผมไม่ได้รู้สึกหงุดหงิด แต่ผมรู้สึกว่า พระคัมภีร์เท่านั้นที่เป็นคำตอบ ปัญญาของโลกนี้จะสูญสิ้นไป แต่จะมีแต่ปัญญาของพระเจ้าเท่านั้นที่ยังอยู่ คือพอมาถึงตรงนี้ผมขำออกเลยนะ ที่เค้าบอกว่า

    "ถ้าเรายังไม่รู้ข้อมูลประวัติอะไรที่แน่นอน เราควรจะค้นคว้าให้รอบคอบเสียก่อน เพราะถ้าเรารีบวิจารณ์ว่ามันเป็น "วันปล่อยผี" งานอาจกร่อยเพราะมันจะกลายเป็น "วันปล่อยไก่" ของเราออกมา โดยไม่ได้ตั้งใจ"

    คือมาถึงจุดนี้ผมไม่รู้ว่าใครจะกร่อย แล้วใครจะปล่อยไก่ กันแน่ เอ๊ะ หรือว่าผมจะเจตนาดี แต่ขาดความรู้จริงรึเปล่าหว่า

    ตอบลบ
  12. ผมไม่รู้ว่าความคิดเห็นทั้งหมดของผมจะถูกลบรึเปล่านะครับ

    แต่ผมเขียนด้วยความหวังดี ไม่ได้เป็นเจตนาดีแต่ขาดความรู้จริง และไม่ได้จะนำไปสู่ความเสื่อมนะครับ

    ตอบลบ