27.4.53

อยากเก่งภาษาอังกฤษทำอย่างไร?








วันนี้ผมได้รับแรงบันดาลใจเป็นอย่างมาก จากแฟนคลับท่านหนึ่ง ที่กรุณาเขียนมาดังต่อไปนี้

"อาจารย์ครับ ผมคิดว่าจะพยายามคอมเม้นต์ในบล็อกของอาจารย์เป็นภาษาอังกฤษนะครับ...แต่ไวยกรณ์ผมแย่มาก คือ เหมือนตัวเองมีปัญหาในเรื่องนี้มากๆ ผมอ่านข้อความภาษาอังกฤษได้ แปลได้พอใช้ ฟังพอเข้าใจ แต่พูดตอบโต้กับชาวต่างชาติไม่ได้ ผมควรแก้ไขเรื่องนี้อย่างไรดีครับ ขอความกรุณาอาจารย์ช่วยแนะนำผมด้วยนะครับ... ผมจะเริ่มต้นจากรับหนังสือพิมพ์ที่เป็นภาษาอังกฤษดีไหมครับ"


ผมเห็นว่าเป็นคำถามที่น่าสนใจ และได้ตอบไว้ แบบย่อๆ ในคอมเม้นท์แล้ว แต่พอมานั่งคิดทบทวนดูว่า ถ้าผมเล่าให้ผู้ที่ติดตามอ่านบลอคผมฟังด้วย น่าจะเป็นประโยชน์มากกว่า  ผมจึงขอตอบคำถามของท่านผู้อ่านท่านนี้ผ่านทางบลอคนี้อีกครั้งนะครับ




การเก่งไวยากรณ์ หรือไม่เก่ง แท้จริงแล้วไม่ได้มีผลอะไรมากมายนักต่อ "การสื่อสาร" กับชาวต่างประเทศ (ขอย้ำว่าเป็นความคิดเห็นส่วนตัว) เพราะคนต่างประเทศเอง บางทีก็พูดผิดหลักไวยากรณ์ตั้งเยอะตั้งแยะ เพราะวัตถุประสงค์ของภาษา คือมีไว้สื่อสารกัน ถ้าเราพูดแล้วเขารู้เรื่อง ก็ถือว่าบรรลุวัตถุประสงค์ของการสื่อสาร  อย่างไรก็ตาม ถ้าเรามีเวลาหรือมีโอกาส การได้ศึกษาไวยากรณ์ไว้ ก็ดีเพราะจะได้พูดจาได้สละสลวยสวยงาม ไม่ขัดหูคนฟัง  แต่ถ้าไม่มีเวลา และอยากศึกษาเพื่อสื่อสารกับคนอื่นอย่างรวดเร็ว สิ่งที่สำคัญคือ ต้องรู้คำศัพท์เยอะๆ และรู้วิธีการใช้มันด้วย ในกรณีที่ถามว่า รับหนังสือพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษดีไหม อันนั้นก็ดี แต่ปัญหาคือ ถ้าเราไม่รู้คำศัพท์ อ่านไปเปิดดิคฯ ไป อ่านไปสักพัก จะเบื่อเพราะต้องเปิดดิคฯ อยู่เรื่อยๆ การอ่านไม่ต่อเนื่อง  ผมแนะนำให้ไปหาซื้อหนังสือพวกที่เป็นเรื่องๆ ตอนๆ เป็นภาษาอังกฤษอ่านง่ายๆ ผมเห็นในซีเอ็ดก็มี  (แต่ราคาสูงไปหน่อย)

สำหรับตัวผมเอง สมัยเริ่มศึกษาภาษาอังกฤษ ผมมักจะไปตามร้านขายหนังสือมือสอง และหาหนังสือภาษาอังกฤษ อาจเป็นพวกแบบเรียนหรือหนังสืออ่านนอกเวลาที่เป็นเรื่องๆ ตอนๆ มานั่งอ่าน เลือกเอาอันที่ศัพท์ไม่ยาก หรือไม่ต้องเปิดดิคฯ ทุกบรรทัด ถ้าเจอแล้วก็เอากลับมาอ่านที่บ้าน  แต่วิธีนี้ก็ยังไม่ค่อยสนุกเท่าไร เพราะผมขี้เกียจเปิดดิค 

วิธีที่ดีกว่านั้น (สำหรับผม) ก็คือ ไปเช่าแผ่นหนังที่เป็นเสียง Soundtrack เป็นภาษาอังกฤษ แล้วก็มานั่งดูๆๆๆ ที่ดีคือต้องเลือกเอาอันที่มันไม่มี Sub ไทยเลย นั่งดูมันไปงั้นล่ะ รู้เรืองมั่งไม่รู้เรือ่งมั่ง อิๆ  แรกๆ อาจเน้นหนังแอคชั่น เพราะถ้าเริ่มที่หนังดราม่า หรือหนังที่พูดกันทั้งเรื่อง มันจะดูไม่สนุกและท้อแท้  ข้อดีของการดูหนังคือ ถึงฟังไม่รู้เรื่อง ก็ยังพอเดาจากสีหน้าท่าทางได้  ดูไปบ่อยๆ อาทิตย์ละสองเรืองสามเรื่อง สักพัก เก่งเอง ทีนี้เริ่มฟังรู้เรื่องล่ะ พอเดาที่มันพูดได้ล่ะ  แต่สำคัญ อย่าเอาเรื่องที่มันมีคำแปลไทยด้านล่าง ไม่งั้นสายตาจะเผลอไปอ่านเดี๋ยวจะไม่ได้ผลเท่าที่ควร

อย่างไรก็ตามการนั่งดูที่บ้านก็อาจง่วงและหลับได้ ถ้าพอมีกะตังหน่อยก็ไปดูที่โรงภาพยนต์เลย ยิ่งถ้ามีแฟนไปด้วยยิ่งดี  แต่อย่างที่บอกห้ามมี Sub Thai แบบนี้ดูไปเรื่อยๆ ทักษะการพูดและการฟังจะดีขึ้นเอง อีกวิธีที่ผมใช้คือ ไปหาซื้อเทปหรือซีดี ชุดเรียนสนทนาภาษาอังกฤษที่มีฝรั่ง พูดๆๆ เราก็พูดตามในเทป หรือในแผ่นมัน พยายามดัดจริต เสียงให้คล้ายๆ กันกับมัน สักพักเราจะรู้ว่าเรานี่ก็พูดฝรั่งได้ดีนี่หว่า ฮ่าๆ

ต่อมา ถ้าอ่านเจอหรือไปพบคำศัพท์ไหนที่น่าสนใจ ผมจะจดไว้ แล้วเอากลับมาเปิดดิคฯ ดู (วิธีการเปิดดิค พร้อมการสังเกตุการใช้คำนั้นๆ ไว้มีโอกาสจะเขียนเล่าให้ฟังอีกที)  เมื่อเปิดดิคฯ ดู รู้ความหมายมันแล้ว ผมก็จะท่องๆๆๆ แล้วก็คัดศัพท์คำนั้น ซ้ำๆๆ ลงในกระดาษสักหน้ากระดาษนึง แบบนี้ จำได้แน่นอน เขียนไปปากก็ท่องไป   พอเรารู้ศัพท์เยอะมากขึ้นๆ เราก็จะเริ่มสนุกล่ะ อ่านภาษาอังกฤษไรก็ง่าย ไม่ต้องมาอ่านไปเปิดดิคฯ ไป มันน่ารำคาญและพลอยทำให้การอ่านภาษาอังกฤษไม่สนุก

เรื่องการเรียนภาษาอังกฤษนี่แต่ละท่านก็จะมีเทคนิคแตกต่างกันไป แต่เหนืออื่นใดต้องใช้เวลา เพราะไม่ใช่ภาษาพ่อภาษาแม่เรา อีกอย่าง การเรียนภาษาในระบบโรงเรียนของเราก็ผิดพลาดมาตั้งแต่โบราณกาลเพราะทุกภาษาในโลก ต้องเริ่มจาก ฟัง พูด อ่าน เขียน เรียงกันไปเป็นลำดับ  แต่บ้านเราเริ่มเข้าเรียนก็ให้ "เขียน" ABC เขียนเสร็จก็ "อ่าน"   เสร็จแล้วก็ "ฟัง" ครู แล้วก็หัด "พูด"   จะเห็นได้ว่า กลับข้างกันหมด ทำให้เราเรียนภาษากันไม่ค่อยจะ work เท่าไร  ยิ่งเรียนยิ่งเบื่อ โตขึ้นมาก็คุยกับฝรั่งไม่รู้เรื่อง 

ดังนั้นผมจึงแนะนำให้ไปดูหนัง หรือ ฟังเพลงฝรั่งก็ได้นะครับ แต่เพลงมันจะต้องรู้เนื้อก่อน ถ้าไม่รู้นี่ นั่งฟังกันจนมึนก็ไม่รู้ว่ามันร้องอะไร ไม่เหมือนหนังยังมีภาพเคลื่อนไหวให้ดูประกอบการคาดเดา  สรุปคือเน้นเรืองคำศัพท์กับฝึกฟังเยอะๆ ก่อน เรื่องคำศัพท์นี่ อ่านบลอคของผม หรือ หลายๆ เว็บ ก็ให้ความรู้ได้ดีทีเดียว ลองไป search หาดูนะครับ

อ้อ.. เกือบลืม อีกเรื่องที่สำคัญ ต้องใจกล้า หน้าด้าน เจอฝรั่งที่ไหน เดินเข้าไปคุยกับเขาเลย พูดผิดๆ ถูกๆ ก็ช่างหัว (ฝรั่ง) มัน เพราะว่า การใจกล้าหน้าด้านนี้ จะทำให้เราเกิดความมั่นใจและสนุกสนานกับการได้พูดได้สื่อสาร เหมือนมีคู่ซ้อมจริงๆ ไม่ใช่พูดแต่กับหน้ากระจก หรือออกเสียงพึมพำอยู่คนเดียว นั่นก็คือเหตุผลที่ทำไม ผู้มีอันจะกินจึงส่งลูกหลานไปเรียนต่างประเทศ หรือไปเรียนโรงเรียนอินเตอร์ ก็เพื่อจะได้มีโอกาสฝึกใช้ภาษาจริงๆ ในชีวิตประจำวันนี่ล่ะครับ  สมัยผมเริ่มฝึกภาษาฯ ผมชอบไปยืนดักฝรั่งแถววัดพระแก้วเวลาเจอมันทำหน้า งงๆ ผมก็จะเข้าไปคุยอธิบายโน่นนี่ มั่วซั่วไปเรื่อย มันก็ดีใจได้ไกด์ฟรี ผมก็ดีใจเพราะว่าผมได้ฝึกภาษาฟรีกับฝรั่ง เรียกได้ว่า win win

จริงๆ มีเทคนิคอีกมาก แต่ตอนนี้นึกไม่ออก เลยขอเล่าแค่นี้ก่อน ถ้าท่านผู้อ่านท่านใดมีเทคนิคอื่นๆ ที่น่าสนใจก็สามารถที่จะแบ่งปันหรือแนะนำผมได้นะครับ เพื่อจะได้เป็นประโยชน์กับท่านอื่นๆ ด้วย ส่วนท่านที่ไม่เห็นด้วยกับเทคนิคของผม ก็ยินดีรับฟังนะครับ เพราะว่า อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของผมทั้งดุ้นเลยไม่ได้มีหลักวิชาการใดๆ มาอ้างอิงทั้งสิ้น โปรดใช้วิจารณญานในการรับชมและรับฟังครับ :D


อาจารย์บอม
27-04-2010

7 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณครับอาจารย์ ผมเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าสมัยเรียนมหาลัยมีหนังสือนอกเวลาเล่มบางๆอยู่หลายเล่ม คงต้องไปขุดออกมาอ่านแล้วล่ะครับ ^^

    ไอ้ตอนที่ท่านอาจารย์ที่มหาลัยให้ซื้อหา เอามาแค่ใช้สอบอย่างเดียวเลย ไม่ได้สนใจจริงจัง ตอนนี้เลยเป็นอยู่แบบนี้แหละครับ...ต้องรื้อมาอ่านๆ

    Thank you teacher & God bless you.

    ตอบลบ
  2. เจ๋งครับ ผมก็ฝึกโดยใช้ภาพยนตร์เช่นเดียวกันครับ วิธีนี้ยอดเยี่ยมสุดๆเลยครับ

    ตอบลบ
  3. เป็นเหมือนกันเลยค่ะ ต้องเอาเทคนิคนี้ไปใช้ละ ขอบคุณมากๆค่ะ

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ15 กรกฎาคม 2553 เวลา 11:34

    ขอบคุณมากๆเลยค่ะ
    หนูก็มีปัญหาแบบเดียวกันเลย

    คือจริงๆแล้วก็พอจะดัดจริตออกเสียงฝรั่งได้ เพราะชอบฟังเพลงบ่อยๆ
    แต่พอเอามาพูด มันรู้สึกอายๆอ่ะค่ะ
    ก็เลยพูดสำเนียงไทย ซะงั้น

    ตอบลบ
  5. ไม่ระบุชื่อ24 กันยายน 2553 เวลา 15:30

    หัดโน๊ตทุกอย่างเป็นภาษาอังกฤษ ผิดถูกหลักไวทยากรช่างมันก่อน ขอให้คิดอ่านให้เป็นภาษาอังกฤษ ให้เคยชิน

    ตอบลบ
  6. ไม่ระบุชื่อ28 กันยายน 2553 เวลา 02:17

    เหมือนหนูเลยค่ะ หนูก็ชอบดูหนัง แล้วจดคำศัำพย์ใส่สมุดเป็นหน้าๆๆเหมือนกัน

    ตอบลบ
  7. ผมก็คิดแบบ อาจารย์ เลย คับ เรื่อง การเรียนของประเทศเรานี่ มัน ผิดๆ ยังไง ไม่ รุ้ เวลาเราเรียน ภาษาไทย ตั่งแต่เด็ก ก็ ฟัง พูด อ่าน เขียน แต่ทำไม มาให้เราเรียน ภาษา อังกฤษ กลับ กัน ชะงั้น O-o! (ดีใจมีคนคิดเหมือนกัน)

    ตอบลบ