สมัยผมเป็นเด็กมีเสียงกริ่งสองอย่างที่หยุดผมได้
อันหนึ่งคือเสียงกริ่งกดออด เข้าเรียน คือถ้าได้ยินเสียงแล้วยังไม่หยุดเล่น
แล้วรีบไปเข้าแถวมีสิทธิ์โดยไม้เรียวของคุณครู กับอีกเสียงหนึ่งที่หยุดผมได้ คือเสียงกริ่งหรือเสียงกระดิ่งจากระฆังของรถขายไอศกรีม วันนี้ผมจะมาพูดเรื่อง “ระฆัง” ในภาษาอังกฤษโดยขอเริ่มที่คำว่า
Bell (อ่านว่า เบล )
แปลว่า ระฆังหรือกระดิ่ง
คำนี้เป็นคำนาม แปลว่า “ระฆัง หรือ กระดิ่ง” ถ้าใช้เป็นคำกริยาจะมีความหมายว่า
“ติดตั้งระฆัง” หรือ “ส่งเสียงดัง แบบร้องตะโกน” ก็ได้ จะเห็นว่า
Bell ไม่ได้มีความหมายเพียงแค่ระฆังอันใหญ่ๆ ที่เขาตีกันตามวัดวาอารามเท่านั้น หากยังสามารถใช้เรียกพวก “กระดิ่งหรือกริ่ง” ที่ใช้กดเรียกคนตามหน้าบ้านได้อีกด้วย
แต่ที่หยิบคำนี้มาคุยให้ฟังเพราะต้องการเทียบกันกับคำว่า
Bail (อ่านว่า เบล ) แปลว่า การประกันตัว
คำนี้เป็นคำนาม แปลว่า “การประกันตัว หรือ เงินที่ใช้ประกันตัว” ถ้าใช้เป็นคำกริยาจะแปลว่า
“ประกันตัวหรืออนุญาตให้ประกันตัว” โดยปกติมักใช้คู่กับคำว่า out
เป็น Bail out ความน่าสนใจของ Bail นี้อยู่ตรงการออกเสียงที่เหมือนกันกับ Bell (ระฆัง)
จนยากที่จะแยกแยะความแตกต่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากถูกพูดออกมาเป็นคำศัพท์เดี่ยวๆ
โดดๆ ด้วยแล้ว
ผมเคยบอกไว้บ่อยๆ ว่าวิธีการที่ง่ายที่สุดในการแยกแยะความหมายของคำที่ออกเสียงคล้ายๆ
กันคือ ให้ดูความหมายรวมของประโยคว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไร ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นในโรงในศาลมีตำรวจมีทนายมีอัยการ
อะไรแบบนี้ละก็ ให้เดาไว้ก่อนเลยว่าน่าจะหมายถึง Bail ที่แปลว่า “การประกันตัว” แต่ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับโรงเรียนหรือไอศกรีม
ก็ให้เดาว่าเป็น Bell ที่แปลว่า “ระฆัง” หลักการง่ายๆ แบบนี้สามารถช่วยเราได้มากในการตีความหมายของคำศัพท์ที่ออกเสียงใกล้เคียงกัน
ลองไปฝึกกันดูนะครับ
อาจารย์บอม
04-05-2014
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น