ผมเป็นคนหนึ่งที่ชอบการดื่ม คอกเทล ทั้งๆ ที่ไม่ค่อยได้มีโอกาสดื่มบ่อยนัก ผมเคยถามตัวเองว่า ทำไมถึงชมชอบคอกเทลนักหนา สิ่งแรกคือลีลาท่าทางของคนผสม ที่ดูราวกับว่ากำลังเริงระบำ โยกย้ายส่ายสะโพก กระโดดโลดเต้น เหมือนยิมนาสติกลีลา เต็มเปี่ยมไปด้วยศิลปะในขณะที่มือก็บรรเลงเพลงเขย่าเครื่องดื่ม ราวกับเป็นวาทยากร ผู้ควบคุมวงดนตรี พอพูดถึงตรงนี้ ผมขอแนะนำคำศัพท์คำหนึ่งนะครับ
Shake (อ่านว่า เช กฺ) เป็นคำกริยา แปลว่า เขย่า
แต่ไอ้ที่เขาใช้เขย่าๆ กันเพื่อผสมคอกเทลนั้นจะเติม er เข้าไปข้างท้ายมัน แล้วเรียกมันว่า Shaker (อ่านว่า เช เกอร์) หรือกระบอกเชค แต่มักเรียกทับศัพท์กันว่า เช เกอร์ นอกจากผมจะชมชอบลีลาท่าทางการเขย่าของเหล่า Bartender (อ่านว่า บาร์ เทน เดอร์) แปลว่า พนักงานผสมเครื่องดื่ม แล้ว ผมยังชมชอบรสชาติและสีสันของ Cocktail เหล่านั้น ผมเคยถามกูรู ด้านคอกเทล ว่า ทำไมถึงเรียกว่า Cocktail
Cock (อ่านว่า ค๊อค) แปลว่า ไก่ ตัวผู้ (ถ้าไก่ตัวเมีย ใช้คำว่า Hen นะครับ)
Tail (อ่านว่า เทล) แปลว่า หาง
แปลความแล้วทำไมต้องเป็นหางไก่ตัวผู้ ทำไมไม่ hentail หรือหางไก่ตัวเมีย ทำไมไม่เป็นหางหมา หรือหางแมว ท่านผู้รู้ได้กรุณาบอกผมว่า เนื่องจาก สีสันอันสวยงามแปลกตา ของเหล่าบรรดา cocktail ซึ่งดูงดงามราวกับหางของไก่ตัวผู้ (หมายเหตุ-ไก่ตัวเมียหางสีไม่สวย) ก็เลยตั้งชื่อว่า Cocktail อันนี้จริงเท็จอย่างไรไม่ทราบแต่ฟังดูแล้วมีเหตุผลน่าเชื่อถือได้ ผมเลยเก็บเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ ถึงที่มาของคำว่า ค๊อกเทลมาฝากท่านผู้อ่าน เผื่อวันหน้าใครถามจะได้โม้ได้ เนียนๆ หน่อย
นอกจากลีลาคนผสม นอกจากสีสันและการจัดวาง ที่งดงามจับตา ผมว่ารสชาดของเครื่องดื่ม Cocktail ก็มีเสน่ห์ในตัวของมันเอง แตกต่างกันออกไป คือบางชนิดก็หวานอมเปรี้ยว บางชนิดก็ขมปนแรง บางชนิดก็เสริฟแบบจุดไฟมาเลย เรียกว่ายกกันมาที สาวโต๊ะข้างๆ เหลียวหลังมาดูเลย นึกว่าสั่งไก่อบภูเขาไฟ มากิน เท่ห์ไปอีกแบบ (เจ้านี่ชื่อว่า B-52 มาแบบไฟลุกเลย ถ้าอยากรู้จักหน้าค่าตามัน ผมแปะรูปไว้บนบลอคนี่แล้วครับ)
อีกอันสิ่งที่สำคัญและจะลืมไม่ได้เลยคือชื่อที่เขาบรรจงเสกสรรปั้นแต่งมาสำหรับเรียกขาน Cocktail แต่ละชนิด ผมขอหยิบยกตัวอย่างมาให้ท่านผู้อ่านได้ดูพอเรียกน้ำย่อย ผมเป็นคนชอบนั่งดูเมนูของเครื่องดื่มค๊อกเทลเพราะว่าชื่อมันแปลกๆ ดี บางทีเหมือนจิ้มซื้อหวย ไม่รู้ว่าชื่อที่เราเลือกมันจะออกมาหน้าตาแบบไหน ผมเคยเลียบๆ เคียงๆ ถามถึงวิธีการตั้งชื่อค๊อกเทล เขาว่ามันตั้งกันได้หลายแบบ ทั้งตั้งจากส่วนผสมหลักของค๊อกเทลชนิดนั้น หรืออาจตั้งจากสีสันของมัน บางคนก็ตั้งจากความเข้มข้นและดีกรีของมัน ผมขอยกตัวอย่างบางตัวนะครับเช่น
นอกจากลีลาคนผสม นอกจากสีสันและการจัดวาง ที่งดงามจับตา ผมว่ารสชาดของเครื่องดื่ม Cocktail ก็มีเสน่ห์ในตัวของมันเอง แตกต่างกันออกไป คือบางชนิดก็หวานอมเปรี้ยว บางชนิดก็ขมปนแรง บางชนิดก็เสริฟแบบจุดไฟมาเลย เรียกว่ายกกันมาที สาวโต๊ะข้างๆ เหลียวหลังมาดูเลย นึกว่าสั่งไก่อบภูเขาไฟ มากิน เท่ห์ไปอีกแบบ (เจ้านี่ชื่อว่า B-52 มาแบบไฟลุกเลย ถ้าอยากรู้จักหน้าค่าตามัน ผมแปะรูปไว้บนบลอคนี่แล้วครับ)
อีกอันสิ่งที่สำคัญและจะลืมไม่ได้เลยคือชื่อที่เขาบรรจงเสกสรรปั้นแต่งมาสำหรับเรียกขาน Cocktail แต่ละชนิด ผมขอหยิบยกตัวอย่างมาให้ท่านผู้อ่านได้ดูพอเรียกน้ำย่อย ผมเป็นคนชอบนั่งดูเมนูของเครื่องดื่มค๊อกเทลเพราะว่าชื่อมันแปลกๆ ดี บางทีเหมือนจิ้มซื้อหวย ไม่รู้ว่าชื่อที่เราเลือกมันจะออกมาหน้าตาแบบไหน ผมเคยเลียบๆ เคียงๆ ถามถึงวิธีการตั้งชื่อค๊อกเทล เขาว่ามันตั้งกันได้หลายแบบ ทั้งตั้งจากส่วนผสมหลักของค๊อกเทลชนิดนั้น หรืออาจตั้งจากสีสันของมัน บางคนก็ตั้งจากความเข้มข้นและดีกรีของมัน ผมขอยกตัวอย่างบางตัวนะครับเช่น
Magarita (อ่านว่า มาร์ กา ริต้า) เขาเล่าว่า ตั้งมาจากชื่อ หญิงสาว (สวยด้วย) ชาว เม็กซิโก แต่ผมคิดว่าคงเป็นหญิงสาวที่ทั้งสวยทั้งเค็ม เพราะว่า ค๊อกเทลเมนูนี้ เขาจะเอาเกลือหุ้มไว้รอบปากแก้วเลย เวลาดื่มนี่ต้องเอาปากสัมผัสกับเกลือด้วย เป็นเครืองดื่มที่นิยมแพร่หลายและเป็นที่ชื่นชอบอย่างมากสำหรับสุภาพสตรี (สงสัยคงเพราะมีเกลือด้วยนี่ล่ะ เอิ๊กๆๆ)
Mai Tai (อ่านว่า ไหม ไท) คนมักจะคิดว่าเป็นของคนไทย แต่ที่มานั้นแท้จริงแล้วมาจากคำอุทานภาษาฮาวาย ว่า “มาทาอีโร่-Maita’i roa” หรือแปลว่า Very Good ซึ่งต่อมาได้เรียกเพี้ยนกลายเป็นชื่อค็อกเทล “ไหมไท”
ปัจจุบันนี้นอกจาก Cocktail แล้วยังมีเครื่องดื่มอีกประเภทที่กำลังมาแรง อันนี้เหมือนคอกเทลทุกอย่าง แต่จะไม่มีแอลกอฮอร์เป็นส่วนผสม เราเรียกกันว่า Mocktail ครับ
Mai Tai (อ่านว่า ไหม ไท) คนมักจะคิดว่าเป็นของคนไทย แต่ที่มานั้นแท้จริงแล้วมาจากคำอุทานภาษาฮาวาย ว่า “มาทาอีโร่-Maita’i roa” หรือแปลว่า Very Good ซึ่งต่อมาได้เรียกเพี้ยนกลายเป็นชื่อค็อกเทล “ไหมไท”
ปัจจุบันนี้นอกจาก Cocktail แล้วยังมีเครื่องดื่มอีกประเภทที่กำลังมาแรง อันนี้เหมือนคอกเทลทุกอย่าง แต่จะไม่มีแอลกอฮอร์เป็นส่วนผสม เราเรียกกันว่า Mocktail ครับ
Mock (อ่านว่า ม๊อค ) แปลว่า เลียนแบบ หรือจำลอง
(ที่ได้ยินบ่อย ๆ อีกคำคือคำว่า Mock up แปลว่า แบบจำลองครับ)
(ที่ได้ยินบ่อย ๆ อีกคำคือคำว่า Mock up แปลว่า แบบจำลองครับ)
สรุป Mocktail ก็เลยแบบว่า อะไรที่เลียนแบบค๊อกเทลนั่นเอง วันนี้คุยกันเรื่องค๊อกเทลจนผมรู้สึกมึนๆ ทั้งๆที่ยังไม่ได้ดื่มสักกะหยดเดียว สำหรับท่านผู้อ่านที่ชื่นชอบหรือต้องการข้อมูลความรู้เกี่ยวกับ Cocktail เพิ่มเติม ผมขอแนะนำให้ไปอ่านที่ http://cocktail-mocktail.blogspot.com/ เพราะหลายๆ อย่างที่ผมเอามาเล่าให้ฟังวันนี้ผมก็แอบไปขอข้อมูลมาจากเว็บบลอคนี้ล่ะครับ
หวังว่าผู้อ่านทุกท่านคงสนุกสนานกับการดื่ม Cocktail ผ่านทางเว็บบลอคของผมนะครับ อย่าเพิ่งเมากันก่อนนะครับ เดี๋ยวจะต้องไปพึ่งปอยฝ้าย มาลัยพร มาถอนให้อีก
อาจารย์บอม
21-04-09
หวังว่าผู้อ่านทุกท่านคงสนุกสนานกับการดื่ม Cocktail ผ่านทางเว็บบลอคของผมนะครับ อย่าเพิ่งเมากันก่อนนะครับ เดี๋ยวจะต้องไปพึ่งปอยฝ้าย มาลัยพร มาถอนให้อีก
อาจารย์บอม
21-04-09
อ่านแล้วเริ่มมึนๆ แล้วเลยครับ บทความนี้ได้รู้เรื่อง alcohol ที่ผมไม่ค่อยรู้เรื่องเลย จริ๊งๆ ... :P ... ว่าแต่ว่าจะดื่มอะไรก็ระวังอย่า get your swerve on นะครับ เป็น Slang ที่วัยรุ่นฝรั่งใช้กัน ... ก็คือ to get drunk หรือเมานั่นเองครับ ขับรถแล้วจะโดนจับไปขึ้นศาลนะครับ :D:D
ตอบลบเจ๋งไปเลยจารย์บอม อิอิ
ตอบลบb52 เวลาสั่งก็ สั่งบีห้าสิบสองแบบนี้เลยเหรอคะ
ตอบลบ