สมัยผมเรียนที่มหาวิทยาลัย มีัวิชาเกี่ยวกับธุรกิจบริการ (Service Management) ซึ่งเป็นวิชาที่อาจารย์เน้นคำศัพท์คำหนึ่งมากเป็นพิเศษ เน้นแล้วเน้นอีก จนผมจำได้ขึ้นใจ นั่นคือคำว่า
Empathy (อ่านว่า เอ๊ม ปะ ธี่ ) แปลว่า การเอาใจ(เขามา)ใส่ (ใจเรา)
คำนี้เป็นคำนาม นะครับ ถ้า่ท่านสังเกตุดีๆ จะเห็นว่า ผมได้ใส่วงเว็บไว้ในคำแปลด้วย เพราะถ้าแปลแค่ว่า การเอาใจใส่ ความหมายมันค่อนข้างกว้าง แต่ถ้าเราอธิบายเพิ่มเติม จะทำให้เห็นภาพและความหมายเชิงลึกของคำนี้ได้ดียิ่งขึ้น
ที่หยิบยกคำนี้ มาเล่าให้ฟัง เนื่องจากผมได้มีโอกาสฟังเรื่องเล่าเกี่ยวกับ ชาวคุก เรื่องหนึ่งที่น่าสนใจมาก โดยผู้บรรยายได้เล่าว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ในคุกแห่งหนึ่งในต่างประเทศ เพราะมีผู้ใจบุญได้ทำเสื้อยืดแจกให้นักโทษทุกคน โดยด้านหลังเสื้อทุกตัวจะสกรีันคำว่า "จงปฏิบัติต่อผู้อื่น.. อย่างที่ท่านต้องการให้ผู้อื่นปฏิบัติต่อท่าน"
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา การทะเลาะวิวาท กันในเรือนจำ ก็ลดลงไปจนแทบไม่มีเหลือเลย ด้วยเหตุแค่ทุกคนได้อ่านได้เห็นข้อความที่ด้านหลังเสื้อของกันและกันทุกวัน และเริ่มเกิด Empathy หรือการเอาใจเขามาใส่ใจเรา นับจากวันนั้นทุกอย่างก็เกิดการเปลี่ยนในทางที่ดีขึ้ัน อย่างไม่น่าเชื่อเลย
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา การทะเลาะวิวาท กันในเรือนจำ ก็ลดลงไปจนแทบไม่มีเหลือเลย ด้วยเหตุแค่ทุกคนได้อ่านได้เห็นข้อความที่ด้านหลังเสื้อของกันและกันทุกวัน และเริ่มเกิด Empathy หรือการเอาใจเขามาใส่ใจเรา นับจากวันนั้นทุกอย่างก็เกิดการเปลี่ยนในทางที่ดีขึ้ัน อย่างไม่น่าเชื่อเลย
ดังนั้น การอยู่ร่วมกัน การทำงานร่วมกัน หรือแม้แต่การดูแลลูกค้า Empathy จึงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมาก โดยให้ถือหลักง่ายๆ เหมือนเรื่องของนักโทษข้างต้น คือ เราต้องนึกเสมอว่า อะไรที่เราอยากให้คนอื่นปฏิบัติต่อเราแบบนั้น เราก็ควรทำให้คนอื่นแบบนั้นด้วย อะไรที่เราไม่อยากให้คนอื่นทำกับเราแบบนี้ เราก็ไม่ควรทำกับคนอื่นแบบนี้เช่นกัน นอกจากคำนี้แล้วยังมีอีกคำที่ สะกดคล้ายๆ กัน ความหมายใกล้ๆ กันด้วย นั่นคือคำว่า
Sympathy (อ่านว่า ซิ้ม ปะ ธี่ ) แปลว่า ความเห็นอกเห็นใจ
คำนี้เป็นคำนาม ความหมายใกล้เคียงกับ Empathy แต่จริงๆ ดูดีๆ การใ้ช้งานจะแตกต่างกัน คำว่า Sympathy จะใช้ในลักษณะ แสดงความสงสาร และเห็นอกเห็นใจ หลังจากที่คนๆ นั้นประสบปัญหาหรือความเสียใจ แล้วเราเข้าไปปลอบใจเขา โดยการแสดง Sympathy นั่นคือแสดงความเห็นอกเห็นใจในความสูญเสียของเขา ส่วน Empathy นั้น ใช้ก่อนที่เราจะลงมือทำสิ่งร้ายๆ กับคนอื่น คือให้ฉุกคิดว่า เราควรเอาใจเขามาใส่ใจเรา อันนี้คือข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัดสำหรับสองคำนี้ แม้ว่าเมื่อแปลเป็นภาษาไทยแล้วความหมายค่อนข้างใกล้กัน แต่ถ้ารู้ความหมายเชิงลึกในภาษาอังกฤษแล้ว จะเห็นว่าต่างกันมาก ดังนั้นควรใช้ให้ถูกกับกาละเทศะและเหตุการณ์ต่างๆ ด้วยครับ
Empathy นั้นฟังเหมือนเป็นหลักการง่ายๆ แต่แท้จริงแล้วในทางปฏิบัติ อาจจะต้องสร้างกลไกในการเตือนตัวเองบ่อยๆ เพราะธรรมชาติของมนุษย์มักจะทำตามใจตัวเองเป็นหลัก โดยไม่สนว่าใครจะคิดหรือรู้สึกอย่างไร ไอ้เรื่องแบบนี้ แม้แต่ตัวกระผมเองก็เป็นเหมือนกัน คงเป็นเพราะเหตุที่ว่า ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ 100% คนทุกคนยังอยู่ในช่วงของการเรียนรู้และปรับปรุงตัวเองตลอดทั้งชีวิต
Empathy นี้จะว่าไปแล้วเปรียบเหมือนกับ คาถา มหาเสน่ห์ หมั่นท่องไว้ หมั่นจำไว้ และหมั่นทำบ่อยๆ จะทำให้เรากลายเป็นคนที่มีเสน่ห์ น่าคบหา โดยที่เราไม่รู้ตัว เพราะไม่ว่าใครๆ จะสาวจะหนุ่ม ก็ชอบที่จะอยู่ใกล้ๆ คนที่เข้าอกเข้าใจเขา และรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา แบบนี้ทุกคน แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เรียก Empathy ว่าเป็นคาถามหาเสน่ห์ได้อย่างไร ลองไปฝึกใช้ดูนะครับ ถ้าได้ผลอย่างไร มาเล่าให้ผมฟังบ้าง หรือถ้าเสน่ห์จัดเกินไปดูแลสาวๆ ไม่ไหว ก็แนะนำต่อมาให้ผมบ้างก็ได้้นะครับ (ฮ่าๆๆ) ก่อนจบฝากเพลงน้าแอ๊ด คาราบาวให้ฟังท่อนนึงครับ
Empathy นั้นฟังเหมือนเป็นหลักการง่ายๆ แต่แท้จริงแล้วในทางปฏิบัติ อาจจะต้องสร้างกลไกในการเตือนตัวเองบ่อยๆ เพราะธรรมชาติของมนุษย์มักจะทำตามใจตัวเองเป็นหลัก โดยไม่สนว่าใครจะคิดหรือรู้สึกอย่างไร ไอ้เรื่องแบบนี้ แม้แต่ตัวกระผมเองก็เป็นเหมือนกัน คงเป็นเพราะเหตุที่ว่า ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ 100% คนทุกคนยังอยู่ในช่วงของการเรียนรู้และปรับปรุงตัวเองตลอดทั้งชีวิต
Empathy นี้จะว่าไปแล้วเปรียบเหมือนกับ คาถา มหาเสน่ห์ หมั่นท่องไว้ หมั่นจำไว้ และหมั่นทำบ่อยๆ จะทำให้เรากลายเป็นคนที่มีเสน่ห์ น่าคบหา โดยที่เราไม่รู้ตัว เพราะไม่ว่าใครๆ จะสาวจะหนุ่ม ก็ชอบที่จะอยู่ใกล้ๆ คนที่เข้าอกเข้าใจเขา และรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา แบบนี้ทุกคน แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เรียก Empathy ว่าเป็นคาถามหาเสน่ห์ได้อย่างไร ลองไปฝึกใช้ดูนะครับ ถ้าได้ผลอย่างไร มาเล่าให้ผมฟังบ้าง หรือถ้าเสน่ห์จัดเกินไปดูแลสาวๆ ไม่ไหว ก็แนะนำต่อมาให้ผมบ้างก็ได้้นะครับ (ฮ่าๆๆ) ก่อนจบฝากเพลงน้าแอ๊ด คาราบาวให้ฟังท่อนนึงครับ
...เอาดวงใจของเขา....ใส่ดวงใจของเรา
แล้วจะรู้ว่าเขา ... คิดกับเรา....อย่างไร....
อาจารย์บอม
30-08-2009
30-08-2009
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น