ขั้นตอนเริ่มต้นในการทำลายความน่าเชื่อถือของผู้อื่นคือ การยัดเยียดข้อ “กล่าวหา” สารพัดสารพันที่ไม่เป็นจริง โดยที่ผู้ถูกกล่าวหานั้น มักจะไม่มีโอกาส “แก้ตัว” โลกเราทุกวันนี้จึงเต็มไปด้วย “ผู้กล่าวหาและผู้คอยแก้ตัว” ที่หยิบยกขึ้นมาเพราะคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ มีความน่าสนใจมาก ขอเริ่มที่คำว่า
Accuse (อ่านว่า แอค คิ้วส์) แปลว่า กล่าวหา
คำนี้เป็นคำกริยา แปลว่า “กล่าวหา –ใส่ความ” ถ้าเป็นคำนามจะใช้คำว่า “Accusation (อ่านว่า แอค คิว เซชั่น) แปลว่า การกล่าวหา หรือ การใส่ความ” ถ้าเป็น “ผู้ถูกกล่าวหา” จะใช้ว่า “The Accused” อันนี้ถือว่าครบเครื่องเรื่อง “กล่าวหา” กันเลยทีเดียว เมื่อถูกกล่าวหาแล้วก็ต้องมีการ “แก้ตัว” ภาษาอังกฤษใช้คำว่า
คำนี้เป็นคำกริยา แปลว่า “แก้ตัว” และยังแปลว่า “ขอโทษหรือยกโทษ” ได้อีกด้วย ต้องดูความหมายในประโยคให้ดีก่อนตัดสินใจแปลออกไป นอกจากนี้ยังมีการใช้ “Excuse me” เมื่อต้องการกล่าวคำขอโทษหรือขออภัยในกรณีไปรบกวนผู้อื่นหรือขัดจังหวะผู้อื่น เช่น อาจจะใช้พูดนำเวลา ขอทางเดินหรือพลาดไปเดินชนใครสักคนในฝูงชน รวมทั้งสามารถใช้เพื่อเรียกหรือทักให้คนหันมาหาเราแบบสุภาพก็ได้ คำนี้ถ้าใช้เป็นคำนามจะแปลว่า “คำแก้ตัวหรือข้ออ้าง”
สังคมจะเกิดความสงบสุขได้ยาก หากเราไม่หยุด “กล่าวหา” กันและกันอย่างไม่เป็นธรรม รวมทั้งต้องมีความกล้าหาญในการยอมรับความผิดพลาด โดยไม่ “แก้ตัว” แบบข้างๆ คูๆ เอาสีข้างเข้าถูกจนถลอกไปหมด ที่ประเทศเราไม่สามารถเดินหน้าไปไหนได้ไกลในทุกวันนี้ เพราะมัวแต่วนเวียนอยู่กับคำว่า “Accuse” และ “Excuse” นั่นเอง
อาจารย์บอม
06-05-2011
อยากถามอาจารย์เรื่องการใช้ regular,ordinary และ typical จะได้มั้ยคะ เพราะว่าเจอบ่อยมากแต่ไม่เข้าใจว่ามันต่างกันยังไงน่ะค่ะ ขอบคุณมากๆๆเลยค่ะ
ตอบลบขอบคุณครับที่แวะมาอ่านและกรุณาแนะนำ
ตอบลบผมจะไปค้นคว้าเกี่ยวกับ regular, ordinary & typical แล้วนำมาเขียนให้อ่านนะครับ ติดตามอ่านในบล๊อกนี้นะครับ
ขอบคุณอีกครั้งครับ